เปิดคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 รื้อฟื้น“คดีครูจอมทรัพย์”

  • 11 May 2020
  • 2126
หางาน,สมัครงาน,งาน,เปิดคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 รื้อฟื้น“คดีครูจอมทรัพย์”

เปิดคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 .ให้รื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ ระบุ เชื่อคำรับสารภาพ"นายสับ" ว่าเป็นคนขับรถชนนายเหลือ ผู้ตาย ไม่ใช่"ครูจอมทรัพย์ "

         คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม โจทก์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ร้องและจำเลย เรื่องความผิดต่อชีวิต ประมาท  ความผิดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก ( ชั้นขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่) 

         กรณีศาลจังหวัดนครพนม ส่งสำนวนคดีอาญา ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนครพนม โจทก์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร จำเลย  และสำนวนไต่สวนรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พร้อมบันทึกความเห็นของศาลชั้นต้นในคดีรื้อฟื้นให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาตาม พ.ร.บ. การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 มาตรา 9

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2559

          คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาสชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 3 ปี,ฐานไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่ไปแสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 2 เดือน 

          ผู้ร้องยื่นคำร้องและเพิ่มเติมคำร้องว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ น.ส.แพงสี พ่อบำรุง บุตรนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย ยื่นฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน  นายสับ วาปี ยื่นคำร้องขอชำระเงินซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาเป็นเงิน 170,000 บาท และในวันเดียวกันนายสับ ให้ข้อเท็จจริงแก่ผู้ร้องว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง นายสับขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ  สีเขียว รุ่นเคบีแซด หมายเลขทะเบียน บค. 56 มุกดาหาร ผ่านบ้านงานที่มีการจัดแสดงหมอลำทางด้านซ้ายและต่อมาขับแซงรถจักรยานยนต์ทางด้านขวาเกิดชนกับรถจักรยานของผู้ตายที่ขี่สวนทางมา เมื่อลงจากรถไปดูพบผู้ขี่รถจักรยานเป็นชายนอนนิ่งสลบบนถนน รถจักรยานกระเด็นอยู่ไหล่ทางด้านขวามือ รถจักยานยนต์ที่นายสับ ขับแซงแล่นมาถึงที่เกิดเหตุได้จอดและไฟหน้ารถจักรยานยนต์ส่องมาลงที่บริเวณป้ายทะเบียนรถยนต์กระบะและมองเห็นนายสับ ยืนอยู่ใกล้คนเจ็บ นายสับ ตกใจกลัวรีบขึ้นรถขับรถหนีและนำรถยนต์กระบะไปจอดซ่อนไว้ที่พักเพิงนาของตนเอง ต.โพนทราย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร แล้วเดินทางกลับบ้านที่ตำบลกุดแข้ อ.เมืองมุกดาหาร 

         ต่อมานายสับ นำรถยนต์กระบะไปซ่อมและขายให้แก่พ่อค้ารับซื้อของเก่าในราคา 20,000 บาท ครั้นเมื่อคดีถึงที่สุดนายสับ ทราบว่า จำเลย ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด วันที่ 19 พ.ค.2557 นายสับ ตัดสินใจเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนาโคน ต.โคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เพื่อเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 ให้การรับสารภาพต่อ พ.ต.ท.อภิมุข ศักดิ์ธนา และ พ.ต.ท.ปุญธนัช เกตุเทศ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ  ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่ถูกต้องตรงกับความจริง และมีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีซึ่งไม่เคยนำมาสืบในศาลมาก่อนและศาลยังไม่ได้นำมาพิจารณาวินิจฉัยในคดีอันถึงที่สุดนั้น ซึ่งหากได้นำมาสืบสามารถแสดงว่าผู้ร้องไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ศาลพิจารณาให้ผู้ร้องรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ให้คืนตำแหน่งหน้าที่ราชการแก่ผู้ร้อง และจ่ายเงินค่าทดแทน 

           โจทก์คัดค้านว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาเป็นข้ออ้างที่เป็นหลักแห่งคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่นั้น เป็นพยานหลักฐานที่มีอยู่เดิมตั้งแต่ชั้นสอบสวน จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญคดี อันจะแสดงว่า ผู้ร้องต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาถึงที่สุดไม่ได้กระทำความผิด และพยานบุคคลซึ่งศาลอาศัยเป็นหลักไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า คำเบิกความเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริงแต่อย่างใด ขอให้ยกคำร้อง 

           ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องแล้วทำความเห็นว่า กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติิมาตรา 5 (3 ) แห่ง พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 เห็นควรยกคำร้องขอ 

           ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า มูลคดีเกิดจากรถยนต์กระบะขับแซงรถจักยานยนต์แล้วชนกับรถจักรยานที่ผู้ตายขี่สวนทางมาในยามวิกาลและหลบหนีไปโดยไม่ทราบผู้ใดเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะดังกล่าว สาเหตุที่มีการดำเนินคดีแก่จำเลยเกิดจากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถตามที่ประจักษ์พยานโจทก์เห็นและจดจำได้ว่าเป็นรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บค.56 สกลนคร ซึ่งจำเลยขายให้แก่นายประพัฒน์  แสนเมืองโคตร แล้ว แต่ยืมไปใช้ในช่วงเกิดเหตุ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ เนื่องจากนายสับ วาปี ทราบว่าจำเลยถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกและต้องออกจากราชการทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ความจริงแล้วในวันเกิดเหตุนายสับ ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียวอ่อน หมายเลขทะเบียน บค.56 มุกดาหารซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ที่จำเลยขายและนำไปใช้เพียงชื่อจังหวัด ไปในที่เกิดเหตุแล้วชนกับรถจักรยานของผู้ตายที่ขี่สวนทางมา หลังเกิดเหตุยังลงจากรถไปดู สอดคล้องกับพยานโจทก์ที่เบิกความว่า คนขับรถยนต์กระบะเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง นายสับ เกรงกลัวความผิดจึงได้หลบหนีไป นายสับได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2557 ยื่นคำร้องขอชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาแทนจำเลย และให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งมีข้อเท็จจริงและรายละเอียดยากแก่การแต่งเรื่องราวและเป็นการให้ข้อเท็จจริงที่ปรักปรำตนเอง เนื่องจากความสำนึกผิดและบาปกรรมที่จำเลยต้องมารับโทษแทนตนเองเช่นนี้ เมื่อคำนึงถึงผลกระทบที่จำเลยที่ได้รับ ต้องถูกลงโทษจำคุกและให้ออกจากราชการแล้ว  มีความเป็นไปได้สูงที่ประจักษ์พยานโจทก์ สามารถจดจำได้เพียงตัวเลขของทะเบียนรถและพนักงานสอบสวนไม่ได้สืบหาเลขทะเบียนเดียวกันจากจังหวัดใกล้เคียง

 พยานหลักฐานดังกล่าวของผู้ร้องเป็นพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีแล้ว จะแสดงว่าจำเลยผู้ต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. การรื้อฟื้นคดีอาญา ขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 5 ( 3)  และคำร้องมีมูลพอที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง

          จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีที่รื้อฟื้นขึ้นพิจารณาใหม่ต่อไป

CR:komchadluek.net

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top